เครื่องปรับอากาศประหยัดพลังงานสูงสุด: สิ่งที่ต้องมองหา
Seasonal Energy Efficiency Ratio หรือ SEER) ถือเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่ง ค่า SEER จะใ แอร์ที่ประหยัดไฟที่สุด ช้วัดประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศตลอดช่วงฤดูหนาว ค่า SEER ยิ่งสูง แสดงว่าเครื่องปรับอากาศมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยทั่วไปแล้วเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่จะมีค่า SEER ตั้งแต่ 13 ถึง 25 โดยตัวเลขที่สูงขึ้นบ่งชี้ว่ามีประสิทธิภาพดีขึ้น หากต้องการประหยัดพลังงานสูงสุด ควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีค่า SEER อย่างน้อย 16 ขึ้นไป
2. เลือกใช้เทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์
เทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ช่วยให้เครื่องปรับอากาศสามารถปรับความเร็วคอมเพรสเซอร์ได้ตามความต้องการในการทำความเย็น เครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์ต่างจากเครื่องปรับอากาศแบบเดิมๆ ที่เปิดและปิดคอมเพรสเซอร์บ่อยๆ เพราะรักษาอุณหภูมิให้คงที่ด้วยการทำงานที่ความเร็วแปรผัน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการสึกหรอของระบบ ซึ่งอาจช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย
3. เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีค่า EER สูง
อัตราส่วนประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (EER) เป็นตัวชี้วัดสำคัญอีกตัวหนึ่งที่ใช้วัดประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศเมื่อทำงานที่อุณหภูมิที่กำหนด (โดยทั่วไปคือ 95°F) ในขณะที่ค่า SEER คำนึงถึงอุณหภูมิและรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน EER จะให้ภาพรวมของประสิทธิภาพภายใต้สภาวะความร้อนสูง เครื่องปรับอากาศที่มีค่า EER สูงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงมาก และโดยทั่วไปขอแนะนำให้มองหาเครื่องปรับอากาศที่มีค่า EER สูงกว่า 12
4. พิจารณาความเข้ากันได้ของเทอร์โมสตัทอัจฉริยะ
เทอร์โมสตัทอัจฉริยะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศได้อย่างมาก โดยให้ควบคุมอุณหภูมิและกำหนดเวลาได้อย่างแม่นยำ อุปกรณ์เหล่านี้จะเรียนรู้การตั้งค่าของคุณและปรับการตั้งค่าตามนั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เครื่องปรับอากาศสมัยใหม่หลายรุ่นสามารถใช้งานร่วมกับเทอร์โมสตัทอัจฉริยะได้ ดังนั้นการเลือกใช้รุ่นที่ทำงานร่วมกับอุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างลงตัวจะช่วยประหยัดเงินได้มาก
5. ประเมินขนาดและความจุ
การเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ของคุณถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประหยัดพลังงาน เครื่องปรับอากาศที่มีขนาดใหญ่เกินไปจะเปิดและปิดบ่อยเกินไป ทำให้ทำงานไม่มีประสิทธิภาพและค่าไฟสูงขึ้น ในทางกลับกัน เครื่องปรับอากาศที่มีขนาดเล็กเกินไปจะทำให้ทำความเย็นพื้นที่ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้ทำงานต่อเนื่องไม่ได้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดขนาดที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ ซึ่งโดยทั่วไปจะวัดเป็นหน่วยความร้อนอังกฤษ (BTU)
6. มองหาการรับรอง ENERGY STAR
ฉลาก ENERGY STAR เป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศได้อย่างน่าเชื่อถือ ผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรองนี้เป็นไปตามมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เข้มงวดซึ่งกำหนดโดยสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา การเลือกเครื่องปรับอากาศที่ได้รับการรับรอง ENERGY STAR ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณกำลังลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในระดับเดียวกัน
7. ใส่ใจกับคุณสมบัติเพิ่มเติม
เครื่องปรับอากาศหลายรุ่นมาพร้อมคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน:
คอมเพรสเซอร์แบบปรับความเร็วได้: คอมเพรสเซอร์เหล่านี้สามารถปรับความเร็วได้ตามความต้องการในการทำความเย็น ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานและรักษาอุณหภูมิให้คงที่
ตัวตั้งเวลา: ตัวตั้งเวลาช่วยให้คุณตั้งเวลาให้เครื่องปรับอากาศเปิดหรือปิดในเวลาที่กำหนดได้ ซึ่งจะช่วยป้องกันการทำความเย็นที่ไม่จำเป็นเมื่อไม่จำเป็น
โหมด Eco: เครื่องปรับอากาศหลายรุ่นมีโหมด Eco ที่ปรับการใช้พลังงานให้เหมาะสมโดยปรับรอบการทำความเย็นและความเร็วพัดลม
8. การบำรุงรักษาเป็นประจำ
แม้แต่เครื่องปรับอากาศที่ประหยัดพลังงานมากที่สุดก็ยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพหากไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม การบำรุงรักษาเป็นประจำ เช่น การทำความสะอาดตัวกรอง การตรวจสอบระดับสารทำความเย็น และการตรวจสอบการไหลเวียนของอากาศที่เหมาะสม ถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดีจะรักษาประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานได้
- Art
- Causes
- Crafts
- Dance
- Drinks
- Film
- Fitness
- Food
- Jogos
- Gardening
- Health
- Início
- Literature
- Music
- Networking
- Outro
- Party
- Religion
- Shopping
- Sports
- Theater
- Wellness